5 แนวทางแก้นิสัยโกรธง่ายให้เปลี่ยนเป็นคนใจเย็นขึ้น

[deam205]

5 แนวทางแก้นิสัยคนขีโกรธให้เปลี่ยนเป็นคนใจเย็น(กว่าเดิม)

1. ยับยั้งคำพูดรวมทั้งความประพฤติในยามที่โกรธคือถ้าหากมีความรู้สึกว่า อารมณ์กำลังพล่าน


ให้สงบนิ่งไว้ จดจำไว้เสมอว่า...ความคิดอะไรก็แล้วแต่คำบอกเล่าอะไรก็แล้วแต่ความประพฤติใดๆก็ตามแม้มีขึ้นในยามโก รธ


มักเป็นไปในทางทำลายรุ นแร งอาจสะใจชั่วขณะ แต่ท้ายที่สุดจะไม่เป็นผลดี

ก ฏเหล็กพื้นฐานที่จะต้องทำให้ได้คือ...เราจะไม่พูดหรือทำอะไรเด็ดข าดในย ามที่โกร ธ

รอให้ใจเย็นก่อน หายโก รธก่อนแล้วพอหลังจากนั้นก็ค่อยว่ากัน

2. ไตร่ตรองโท ษของความโก รธและคุณประโยชน์ซึ่งมาจากความปรานีเป็นให้ย้อนนึกถึงชีวิตก่อนหน้านี้

ว่าเราเสียอะไรไปบ้างเพราะเหตุว่าความโก รธทำผู้ใดกันเสียใจกี่คน ทำลายโอกาสไปเท่าไหร่

ทำลายความเกี่ยวข้องไปเช่นไรสิ่งพวกนี้ให้ก้มมาคิดเป็นประจำคิดซ้ำให้มากมายๆ


พิเคราะห์จนปัญญาสารภาพ หมดข้ออ้างอย ากปรับปรุงแก้ไขตัวเองด้วยความสมัครใจ


เพราะเชื่อมั่นแล้วว่า ความโกรธไม่ใช่ของดีแม้กระนั้นเป็นสิ่งที่ทำลายความสำราญแล้วก็ความเจริญ

อีกทั้งของเรา ผู้ที่เรารัก รวมทั้งผู้ที่รักเราไม่มีใครได้อะไรเลยจากความโก รธ

ธรรมชาติของคนพวกเราเกลียดให้คนใดมาสั่งตราบที่เรายังไม่ต กผลึ กยอมแพ้ด้วยตนเองว่า

ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องเปลี่ยนแปลงตนเองคนไหนกันแน่จะพูดคนใดจะบอกจะสอนก็ย ากยิ่งที่คนเราจะเปลี่ยนแปลง

เช่นนี้แล้ว เราก็เลยจะต้องกระทำตนเป็นคุณครูของตนเพื่อสอนตนเองให้เห็นพิ ษภั ยของความโก รธชังอารมณ์ทำลาย

3. สร้างความสำราญนิดๆหน่อยๆให้คนอื่นจนถึงเป็นนิสัยคือให้รู้จักชื่นชอบ ให้กำลังใจผู้คนเป็นประจำ

เมื่อทำให้เขาสุขสบายแล้วให้พวกเรารู้จักเอาใจไปสัมผัสความรู้สึกนั้นเรียกว่า ให้จิตใจเราซาบซึ้ง

กับความรู้สึกที่เย็นใจอยู่เสมอพวกเราบางทีก็อาจจะลองเปรียบกันมองก็ได้ว่าอารมณ์ลักษณะนี้ กับอารมณ์ในยามที่โก รธ

แบบไหนดียิ่งกว่ากันถ้าหากดวงใจเราคุ้นกับความรู้สึกที่ดีมันจะค่อยๆเบื่อความขุ่นเคืองเกลียดชังชิ งชั งไปทีละน้อย

ในข้อนี้เป็นการแ ก้กิเล สด้วยกุศ ลศัตรูถ้าความโกรธเคืองเป็นด้านมืดในที่นี้ด้านสว่างก็คือความเมตตา

พวกเราอาจไล่ส่งความมืดดำมิได้แม้กระนั้นถ้าหากพวกเราจุ ดไ ฟได้ ความมืดดำจะหายไปและก็ความสว่างจะเข้ามาแทนที่

ภาษาธรรมเรียกสิ่งนี้ว่า การทวนกระแสกิเล สเป็นใช้ธรรมคู่ตรงข้ามมาจัดการกิเล สให้น้อยลง


4. ฝึกหัดดูความรู้สึกด้วยใจจริงที่เป็นกลางในข้อนี้เป็นธรรมะชั้นลึก เป็นการก้าวหน้าสติ


คือพวกเราฝึกหัดมองอารมณ์ต่างๆของเราด้วยใจจริงที่เป็นกลางราวกับความคิดความรู้สึกนั้นไม่ใช่พวกเรา

พอใจก็ไม่เข้าไป เศร้าใจก็ไม่เข้าไปคนชื่นชอบก็วางไว้ คนนินทาก็วางไว้ฝึกฝนให้มีความเห็นว่าอารมณ์ความคิดกลุ่มนี้

แม้ดวงใจพวกเราเข้าไปยึดสุดท้ายก็ไม่ดีทั้งนั้นเพราะว่ายึดข้างหนึ่ง อีกข้างก็จะตามมาด้วยเหมือนในกำเหรียญเอาไว้ภายในมือ

ก็จะได้อีกทั้งหัวอีกทั้งก้อยมาในคราวเดียวรักสุขก็จะได้ทุ กข์เป็นของแถมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ในข้อนี้แม้ฝึกฝนบ่อยๆเว้นเสียแต่ความโกรธเคืองแล้วยังช่วยกำจัดลดทอนพลังความนึกคิดด้านล บได้ทั้งหมดทั้งปวง

ได้แก่ความเศร้าใจความว้าเหว่ความเหนื่อยหน่ายต่างๆจิตใจจะเป็นกลาง หนักแน่นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

5. รู้จักอยู่ รู้จักจุดอ่อนจุดแข็ งของตนเองเป็นให้รู้จักสังเกตตัวเองถ้าเราโก รธคนใดกันแน่เป็นประจำ

เวลาอยู่ใกล้ก็ให้ระวังครั้งคราว กับคนบางคนให้สังเกตดูเถอะว่า พวกเราก็โกรธเขา

โกรธคนๆนี้ จนกระทั่งกลายเป็นความเคยชินเพียงแต่มองเห็นหน้ายังไม่ทันทำอะไร

ดวงใจก็วูบๆไหวๆความรำคาญก็เริ่มเข้ามาที่ตรงนี้ควรหลีกเลี่ยงการประจันหน้าทั้งนี้ในเรื่องที่หลีกเลี่ยงมิได้จริงๆ

ดังเช่นว่าเป็นคนที่อาศัยอยู่ภายในครอบครัว เป็นผัวภรรย าเป็นลูก เป็นเจ้านาย ลูกน้อง มิตรสหาย แบบงี้ก็ให้ยกเอาสิ่งที่เขาทำขั ดดวงใจเรา

มาเป็นสิ่งที่ใช้ในการฝึกดวงใจของพวกเรา ฝึกฝนอภั ยดีมากกว่าปล่อยใจของเราให้ต กต่ำไป

เพราะว่ามัวแต่ทะเลาะกับเขาให้เอาความขัดแย้ งนั้นมาบ่มเพาะความรัก เมตตาขอให้พวกเรารับรู้ไว้ว่า โดยมากแล้ว

ถ้าเกิดไม่ลงรอยกันแต่มีความจำเป็นต้องอยู่ร่วมกันตัดกันไม่ข าด แย กกันไม่ข าดสิ่งนี้มักเกิดจากมีบุญก ร ร ม

สัมพันธ์ด้วยกันมานานกลายเป็นแรงก ร ร มผูกพัน ผู กรั้งไม่ให้ไปไหนแบบงี้ยิ่งจำเป็นต้องรู้จักระวัง ระงับ สำรวม

อย่าไปก่อกรรมให้กันและกันมากขึ้นการเป็นคนขี้โมโห ไม่มีอะไรดีมีแต่ว่าเสียผลดี เสียทั้งยังสุขภาพที่เกี่ยวข้องทางร่างกายหัวใจ

ทำลายความข้องเกี่ยว ทำลายหน้าที่การงานทำลายบารมีในตนแปลงเป็นผู้ที่สร้างความทุ กข์ให้คนอื่นๆ

แล้วก็ตัวเองก็กล่าวโทษสุขได้ย าก5 ข้อนี้ ฝึกแรกๆจะทำได้ย ากแต่ขอให้ทรหดอดทนฝึกหัดทำทุกข้ออย่างสม่ำเสมอ

สำคัญคือควรจะมีพลังใจ แล้วก็วินัยฝึกหัดแรกๆอย่าปล่อยใจตามความเคยชินของตนเองสุดท้ายแล้วพวกเราต้องมีความรู้ความเข้าใจว่า

การลดพยายามอัตตาของตัวเองลดความโมโหชิงชังของตนเราไม่ได้ทำเพื่อคนไหนกันแต่พวกเราทำเพื่อยกระดับจิตใจของตน

เพื่อความสุขของพวกเราเองจริงอยู่สิ่งนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องง่ายๆ แม้กระนั้นหากทำเป็นวันหนึ่ง ทราบจะสัมผัสถึงความเบาใจของชีวิต

มีชีวิตที่เบาขึ้น สบายขึ้นถึงวันนั้นพวกเราจะยินดี แล้วก็รู้สึกขอบพระคุณตัวเองรู้สึกกระหยิ่มใจว่า พวกเราสามารถข้ามผ่านตัวตนเก่าๆ

ไปสู่ตัวตนใหม่ที่ดีมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมและสิ่งนี้คือการมอบความรักและก็ความเมตตากรุณาให้ตัวเองอย่างแท้จริง...

โมโห
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/12886/