สพฐ. ย้ำ ตำราเรียนไข่ต้ม ต้องการสื่อ ความยากจน

[Jenny937]

สพฐ. ย้ำ หนังสือเรียนไข่ต้ม อยากได้สื่อ ความยากจนข้นแค้น ไม่ว่าจะกินอะไร ก็มีความสุขได้ ยันพร้อมฟังทุกข้อคิดเห็น ชี้ปรับแต่งทุก 10 ปี

วันที่ 24 เม.ย.2566 นายอัมพร พิทุ่งนาสะ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาเล่าเรียนพื้นฐาน (กพฐ.) เผยกรณีโลกอินเตอร์เน็ตติชมหนังสือเรียนหนังสือภาษาไทยพาที ระดับชั้น ป.5 ซึ่งมีเนื้อหาว่า รับประทานไข่ต้มครึ่งด้าน ใส่น้ำปลา หรือข้าวไม่คลุกน้ำผัดผักบุ้ง ทำให้ตัวละครในหนังสือแฮปปี้ ถือเป็นการเพียงพอ เห็นค่าของชีวิตนั้น ว่า การจัดการทำความเข้าใจวิชาต่างๆจะมีแผนการจัดการเรียนรู้อยู่ ซึ่งในแต่ละบทเรียนจะกำหนดวัตถุประสงค์อยู่ว่าปรารถนาสอนอะไรให้กับผู้เรียนบ้าง ซึ่งการจัดการทำความเข้าใจ จะมีสื่อประกอบกิจการเรียนการสอน เพื่อให้นักเรียนมีการทำความเข้าใจ ขึ้นกับอาจารย์ว่าจะนำซีเอไอไหน มาสอนเด็กให้เด็กกำเนิดความรู้

โดย แบบเรียนภาษาพาที ที่เป็นประเด็นนั้น เป็นสื่อชนิดหนึ่งที่ให้คุณครูใช้ประกอบการสอน เพื่อเด็กนำภาษาไปใช้แสดงอารมณ์ นึกคิด หรือเห็นคุณค่าของความสบายในชีวิตผ่านวรรณกรรมเพียงแค่นั้น ผู้เขียนก็เลยระบุนักแสดงสมมติขึ้น โดยมีตัวละครที่มาจากครอบครัวมั่งคั่ง แต่หาความสุขไม่เจอ และมีตัวละครที่เป็นลูกกำพร้า แม้กระนั้นสามารถแฮปปี้สำหรับในการใช้ชีวิตด้วยการแบ่งปันกัน

ซึ่งในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการกินนั้น เนื้อเรื่องมิได้สื่อเรื่องโภชนาการ แต่ว่าปรารถนาสื่อว่าความอดอยาก ไม่ว่าจะกินอะไร อยู่ที่ไหน ก็สามารถแฮปปี้ได้ เมื่อคนที่อยู่ในครอบครัวมั่งมีมาเห็น จึงเข้าใจว่าความสุขในชีวิตไม่ได้อยู่ที่สถานที่เกิด หรือขึ้นอยู่กับที่อยู่อาศัย แม้กระนั้นอยู่ที่ความเข้าใจและก็เอื้ออารีต่อกัน

"บทเรียนดังที่กล่าวถึงแล้ว ถูกแต่งขึ้นมาเพื่อตอบปัญหาความเข้าใจเกี่ยวกับความสำราญของชีวิต แน่นอนว่าที่ทำการคณะกรรมการการเล่าเรียนเบื้องต้น (สพฐ.) ไม่ทิ้งหลักโภชนาการ โดยได้กำหนดการเรียนการสอนเรื่องนี้เอาไว้ในหมวดวิชาสุขวิทยา ทั้ง สพฐ.ได้ให้ความใส่ใจกับโภชนาการของเด็กอย่างมาก มองเห็นได้จากการมีระบบ Thai School Lunch ซึ่งคือระบบที่ช่วยให้สถานศึกษาสามารถจัดอาหารมื้อกลางวันที่มีคุณภาพให้แก่นักเรียน

โดยเหตุนั้น บทเรียนดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น เป็นการเทียบให้เด็กเกิดขั้นตอนการคิด และได้เห็นว่าความสำราญที่จริงจริงอยู่ที่ไหน ทั้งนี้ ไม่อยากพาดพิงคนไหนกันแน่ แต่ว่ามีความรู้สึกว่าการบ้านการเมืองในช่วงเวลานี้ อยู่ระหว่างการขายความคิด วิธีขายแนวนโยบาย เพราะฉะนั้น ส่วนไหนที่มีคุณประโยชน์ สพฐ.ในฐานะผู้ปฏิบัติ ก็พร้อมที่จะรับฟังทุกความคิด ส่วนไหนที่เป็นประโยชน์จะฟังรวมทั้งไปปรับใช้" นายอัมพร กล่าว

ผู้รายงานข่าวถามคำถามว่า คิดว่าดราม่าที่เกิดขึ้นแพร่กระจายไปไกลหรือเปล่า นายอัมพร กล่าวว่า ไม่วิตกกังวลว่าจะมีดราม่า เพราะว่า สพฐ.อยู่ภาคการศึกษา ยินดีที่จะยอมรับฟังทุกความคิดเห็น เพราะคิดว่าทุกความนึกคิดมีสาระ ซึ่งตนคิดว่าทุกคนมีวิจารณญาณสำหรับเพื่อการวิเคราะห์ แต่ การจัดทำหนังสือหนึ่งเล่ม สพฐ.มิได้ทำเพียงคนเดียว ต้องผ่านกระบวนการ ตั้งแต่การตั้งคณะกรรมการทำ และก็ผ่านการตรวจสอบจากนักวิชาการอีกหลายท่านจนถึงเห็นตรงกันว่าหนังสือที่ออกมาเป็นที่ยอมรับแล้ว ซึ่งตนทราบกันดี เมื่อเวลาผ่านไป เหตุการณ์แปรไป สพฐ.อุตสาหะจะทำหนังสือให้ดียิ่งขึ้น นำสมัยเพิ่มมากขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามคำถามว่า หนังสือภาษาพาทีมีประเด็นดราม่าตั้งแต่ปี 2563 แล้วปีนี้กำเนิดดราม่าขึ้นอีก จะมีการปรับแก้ให้ล้ำสมัยไหม นายอัมพร กล่าวว่า สพฐ.มีการปรับแต่งหนังสือเรียนทุกๆ10 ปี เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แล้วก็ตอนนี้ สพฐ.เปิดโอกาสให้สถานที่พิมพ์เสนอขอแก้ไขสื่อการสอนของตนได้ ซึ่งสื่อที่ผลิตใหม่พรีเซนเทชั่นใหม่ถ้ามีหลักสูตรใหม่เกิดมา หลักสูตรเก่าก็จำเป็นต้องไม่มีการใช้สอนอยู่แล้ว
ความสุข
ขอบคุณข้อมูลจาก https://freelydays.com/13833/