• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

8 สิ่งที่ได้ทราบ จากการเป็นผู้รับจ้างมาครึ่งชีวิต

Started by Prichas, April 06, 2023, 01:56:18 PM

Previous topic - Next topic

Prichas

1. เนื่องจากว่าพวกเราไม่ได้เกิดขึ้นมาเพื่อดำเนินการอย่ างเดียว

พวกเราไม่ได้ทำงานแล้วแฮปปี้วันแล้ววันเล่า บ่อยที่พวกเรากลับไปบ้ า นแล้วอย ากจะลาออกมันซะเดี๋ยวนั้น แต่ถ้าพวกเรามีเป้าหมายอื่นๆในชีวิต เช่น วิ่งมาราธอน, ปลูกต้นไม้ และยังรวมไปถึงต่อ ป.โท

การเปลี่ยนโหมดมาทำเรื่องที่เราชอบจะทำให้ยิ้มแย้มแจ่มใสขึ้น แล้วก็ เพิ่มความมั่นใจและความเชื่อมั่น เนื่องจากว่าการเฟลจากที่ดำเนินงานส่วนใหญ่มักทำให้พวกเราท้อแท้ใจ รวมทั้งขาดความเชื่อมั่นในตนเองในตนเอง สำหรับเรามันส่งผลถึงการเข้าสังคม การตัดสินใจในเรื่องงาน รวมทั้ง อีกมากมาย


ยกตัวอย่ าง... มีเพื่อนฝูงคนนึงชอบตัดเย็บเสื้อผ้ามากมาย เป็นจริงเป็นจังขนาดลงคอร์สเรียนเส า ร ์อาทิตย์ ในช่วงเวลานี้ทำงานประจำไปด้วย ตัดเสื้อผ้าขายไปด้วย จวบจนตอนนี้เปิดร้านขายออนไลน์สร้างเป็นอาชีพเสิรมที่มีรายได้มากกว่างานประจำไปละ

2. หัวหน้าก็คนนะ.. ทราบยัง

สำหรับมนุษย์เงินเดือนตัวจ้อยอย่ างพวกเรา สิ่งที่เรานับถือที่สุดในสถานที่สำหรับทำงานก็คงหนีไม่พ้นเจ้านาย ผู้ที่เป็นหัวหน้างานเองก็มีนิสัยนานับประการ อย่ างตัวเราเคยพบทั้งที่แบบขึ้นชื่อว่าโ ห ด สุดๆทำงานมาก ไปจนกระทั่งวันๆไม่ทำหน้าที่การงาน คอยสั่งคนโน่นครั้งคนนี้ครั้ง แม้กระนั้นพอได้มองดีๆพวกเราก็พบว่า เฮ้ย หัวหน้าก็คนนี่หว่า

แต่คนๆนี้มันจะมาบ่นว่าเกียจคร้านตื่น หรือโดนนายสั่งงานเยอะแยะไม่ได้ยังไง ทำไมน่ะหรอ นอกเหนือจากการที่จะโดนหัวหน้าของเค้าเองหมั่นไส้แล้ว ลูกน้องก็ยังจะไม่ให้ความยำเกรงด้วย หนำซ้ำบางทีก็อาจจะระรานกันเสียระบอบการปกครองทั้งทีม


ถ้าหากให้แนะนำก็อย ากจะบอกว่าพย าย ามเข้าใจเค้าดีกว่าว่าเค้าก็เป็นมนุษย์อย่ างพวกเราๆนี่แหละ เป็นคนดีบ้ า งคนพาลบ้ า ง นิสัยก็แตกต่างกันบ้ า งคือเรื่องธรรดา อย่ าเห็นว่าพวกเรากับเค้าอยู่คนละขั้วกัน อย ากให้มองดูในมุมที่ว่าถ้าพวกเราไม่ทำงานให้เค้า เค้าจะเอางานที่แหน่งใดไปส่งละ จริงๆหัวหน้าเลิกงานก็อย ากกลับบ้ า นไปเจอครอบครัว

ไม่ได้อย ากอยู่ดึกดื่นๆให้ผู้ที่บ้ า นเป็นห่วงหรอก เวลาว่างก็ไม่ได้อย ากดำเนินการ ก็อย ากท่องเที่ยวเช่นเดียวกันนั่นแหละ แม้กระนั้นเพียงแค่ออกหน้าชอบบ่นแบบพวกเราไม่ได้ ตำแหน่งมันค้ำคอ ลองนึกถึง

เพียงแค่พวกเราพรีเซนเทชั่นงานกับหัวหน้าก็เกร็งจะแ ย่ นี่เค้าจำเป็นต้องเอางานพวกเราไปพรีเซนเทชั่นกับหัวหน้าฝ่าย หรือ CEO ลูกน้องผู้ใดกันที่ช่วยแบ่งเบาภาระเค้าได้มาก เค้าก็จะรักคนนั้นเป็นปกติ

3. อย่ ามั่นใจในตัวเองเกินไปในโลกอินเตอร์เน็ต

หลายคนเชื่อว่าโลกโซเชียลเป็นพื้นที่ส่วนตัว จะโ พ ส ต์ อะไรมันก็สิทธิ์ของพวกเรา แม้กระนั้นรู้รึเปล่าว่า HR ปัจจุบันนอกเหนือจากการที่จะมอง resume เราแล้ว ยังดูเ ฟ ส บุ ค ของพวกเราด้วย เพื่อนฝูงเราที่เป็น HR รับรองมาว่า Social media บอกความเป็นตัวตนที่จริงจริงของพวกเราได้มากกว่า Resume เป็นสิบเท่า เห็นไหมว่าตัวตนบนโลกออนไลน์

ของเรานั้นมีผลกับพวกเราตั้งแต่ก่อนเข้างานซะอีก เมื่อพวกเราเป็นมนุษย์เงินเดือนเต็มตัว เรื่องพวกนี้ยิ่งต้องระวัง อย่ างเราเป็นไม่สัมผัสเฟสบุ้คเลย หรือถ้าหากจะโ พ ส ต์ /แ ช ร์อะไร ก็คิดแล้วว่าถ้าหากหัวหน้ามามองเห็นก็ไม่เป็นไร


ถ้าเกิดอย ากมีพื้นที่ส่วนตัวจริงๆชี้แนะให้แยกเฟสสถานที่สำหรับทำงาน กับ เฟสส่วนตัวเลย แล้วปิดสาลำธารณพด้วย เนื่องจาก โดยมากคนภายในที่ทำงานเค้าก็ขอแอดกันอยู่แล้ว ยิ่งเรื่องดราม่าในที่ทำงาน คนนั้นคนนี้ เบื่องาน หัวหน้าโง่เง่า ห้ามโ พ ส ต์ เด็ดขาด โ พ ส ต์ ปุ้บมีคนแคปปั้บแน่ๆ...!! เตือนแล้วนะ

4. จุดโฟกัสที่ลู่วิ่งของพวกเรา สนใจ เอาใจใส่ แม้กระนั้น... อย่ าเก็บลู่วิ่งบุคคลอื่นมาริษยา

ช่วงปีที่ล่วงเลยมานี้ เพื่อนพ้องพวกเราหลายคนเริ่มเรียนต่อ สร้างครอบครัว บางบุคคลเปลี่ยนงานไปงานที่ค่าจ้างรายเดือนสูงสุดๆบางบุคคลเริ่มธุรกิจของตนเอง บางทีพวกเราเลื่อนมองหน้าเฟสรวมทั้งแอบคิดนะว่า เฮ้ย...!! คนนั้นคนนี้ได้ดิบได้ดี แล้วตัวเราล่ะทำอะไรอยู่ แม้กระนั้นบอกเลยว่าชีวิตพวกเขาก็มิได้ดียิ่งกว่าพวกเราหรอกดีไม่ดีเพื่อนฝูงคนไม่ใช่น้อยบางครั้งอาจจะกำลังริษยาชีวิตพวกเราอยู่ก็ได้

เคยมีคนเดินมาบอกพวกเราว่าแหม ชีวิตดีจังนะ... คือตัวเราเองก็ไม่ได้คิดเลยว่าชีวิตเราดี สิ่งที่เราคัดเลือกกรองโ พ ส ต์ ลงโซเชียลนั่นแหละที่ดี ควรจำไว้ว่าอย่ าเอาจังหวะชีวิตของพวกเราไปเปรียบเทียบกับบุคคลอื่น

โฟกัสที่ลู่วิ่งของเรา รู้ดีว่าเรากำลังจะทำอะไร ทราบว่าที่หมายพวกเราต้องการอะไร รู้ดีว่าวันนี้เราทำดีกว่าเมื่อวานนี้แล้วหรือยัง ก็เพียงพอแล้ว แอบมองลู่วิ่งบุคคลอื่นบ้ า งเป็นบางครั้ง เพื่อเป็นแรงก ร ะ ตุ้ น ให้พวกเรามุ่งมั่นกับชีวิตมากเพิ่มขึ้น แต่อย่ าเก็บมาตั้งใจกระทั่งมีความทุกข์พอ

5. เล่นการเมืองกับทุกคน

ประเดี๋ยวก่อน...!! อย่ าเพิ่งตกอกตกใจไป.. เล่นการเมืองกับทุกคนไม่ได้แปลว่า ให้พวกเราไม่ต้องจิรงใจกับคนไหนกันแน่ แต่... มีความหมายว่า " พวกเราไม่สนใจข้างใด " อย่ างที่รู้กันว่าในที่ทำงานหลายๆที่

มีการเล่นพวก หรืออยู่ๆก็จะมีเสียงแว่วมาว่า คนนี้เด็กคนนั้น ซึ่งจากการเฝ้าสังเกตุมาเป็นระยะเวลา 3 ปี พบว่าคนที่เล่นการเมือง (มากๆ) ส่วนมากปราศจากความสุข ยิ่งพวกที่ตำแหน่งโตๆแม้กระนั้นเล่นเค้าไว้มากนี่ห้ามพลาดท่าเลยจ๊า มีคนคอยซ้ำมากเลย


" เล่นการเมืองกับทุกคน " ในความหมายนี่เป็น... การที่พวกเราดูว่าคนนี้เป็นคนยังไง จะเข้ากับเขาได้อย่ างไร ไม่ได้กล่าวว่าให้สตอเบอร์รี่ หรือ ฝ่าฝืนตัวเอง แต่ว่า... แต่ละคนเขาก็มีพื้นฐานนิสัย ความชอบ

โตมาในสังคมที่แตกต่าง การที่เราดูแล้วทราบว่าจะ " อยู่ร่วมกับเขาแบบเป็นมิตร " ได้อย่ างไรจะก่อให้เราเป็นต่อมากมายๆนอกเหนือจากวางตัวง่ายแล้ว เราจะไม่มีศั ต รู เคสนี้รวมถึงบางคนที่ดูแล้วผิดจริตกัน

การวางตัวกับเขาก็คือเฉยๆทักทายสวัสดีตามมารย าท ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปคุยก็ไม่ต้องคุย... เราไม่เคยทราบหรอกว่าวันนึงโลกจะเหวี่ยงพวกเราเข้าไปดำเนินการกับผู้ใดกัน โดยเหตุนี้ อย่ าสร้างศั ต รู เด็ดขาด ถึงไม่ได้ร่วมงานกันในบริษัทนี้ แต่ว่าในอนาคต อาจได้โครจรมาร่วมงานกันในที่ใหม่ๆก็ได้

6. โดนด่าวันนี้ ดียิ่งกว่าโดนด่าทอตอนอายุ 50

เนื่องจากว่าอายุยังน้อย ความคาดหวังจากคนที่อยู่รอบข้างมันเลยน้อยตามไปด้วย แม้ว่าเราจะรู้สึกกดดันในการทำงานสุดๆแต่ว่าเชื่อเถอะ พวกเราล้มเหลววันนี้ ดีมากยิ่งกว่าเราไปล้มตอนอายุ 50 พี่ๆที่เขาอยู่จนกระทั่ง 50-60 ก็ผ่านช่วงแบบเรามาแล้ว

สิ่งที่อย ากจะแนะนำคือ.. ใช้เวลานี้ให้คุ้มค่า เราไม่ได้อายุ 20 กว่าๆตลอดกาล อย ากทำอะไรทำ อย าคำอธิบายมอะไรโ ง่ๆก็ให้รีบถาม พรีเซ้นแล้วมันไม่ดีก็พรีเซ้นไปเรื่อยฝึกฝนไปเรื่อยๆโดนด่าตอนนี้

เ จ็ บ น้อยกว่าโดนด่าทอตอนอายุ 50 เยอะ แม้ว่าจะผิดพลาด ด้วยความยังเด็ก และก็ อ่อนประสบการณ์ คนจำนวนมากพร้อมจะยกโทษพวกเราเสมอ เพราะฉะนั้น ล้มเหลวจำนวนไม่ใช่น้อยเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์

วามผิดแผกระหว่าง " สหาย " กับ " เพื่อนผู้ร่วมการทำงาน " เป็นยังไง ที่เค้าบอกว่ายิ่งโต ยิ่งหาเพื่อนพ้องย ากก็คงจะจริง ยุคประถม การหาเพื่อนฝูงใหม่ไม่ย ากเท่าสมัยมัธยม และการหาสหายในยุคมัธยมก็ไม่อย ากเท่าตอนเข้ามหาวิทย าลัย มันแปลว่ายิ่งพวกเราโตขึ้นเท่าใด เราจะหาเพื่อนฝูงย ากขึ้นแค่นั้น และไม่จะต้องบอกเลยว่าการหาเพื่อนที่จริงดวงใจคนนึงในที่ทำงานมันย ากขนาดไหน


นอกเหนือจากการที่จะมีเรื่องผลตอบแทน อีกทั้งตำแหน่ง ค่าตอบแทนรายเดือน การวัด เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของผู้คนเงินเดือนอย่ างเราเป็นไปทำงาน ไม่ได้ไปทำกิจกรรมสานสมาคมหาเพื่อนฝูง โดยเหตุนั้นวันๆพวกเราจึงจะเจอแค่เพื่อนฝูงร่วมทีม ซึ่งโดยมากแล้วหลังจากนั้นก็เป็นการคุยกันแค่เรื่องงานแค่นั้น

เราโชคดีที่เจอกลุ่มที่ดี คุยได้อีกทั้งเรื่องเฉพาะบุคคลและก็เรื่องงาน เรียกได้ว่าเป็นทั้งเพื่อน แล้วก็เพื่อนร่วมงานในคราวเดียวกัน การมีกลุ่มที่อยู่ด้วยแล้ววางใจอย่างงี้ เรารู้สึกว่ามันเป็นกำไรชีวิต พย าย ามหาคนกลุ่มนี้ให้พบในสังคมการทำงาน แล้วเราจะอย ากไปทำงานมากขึ้น ( นิดหน่อยก็ยังดี ) ไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ทีมเดียวกันก็ได้ เพียงแค่ได้พบเจอ

สนทนาแลกเปลี่ยนความเซ็งก็ดี ให้พวกเราทดลองถามตนเองว่า "ถ้าหากเราลาออกจากที่นี่ พวกเรายังจะอย ากนัดหมายคนนี้กินข้าวอยู่ไหม" ถ้าคำตอบเป็นใช่ ยินดีด้วย คุณเจอสหายจริงๆในสถานที่สำหรับทำงานแล้ว

7. หาคนที่เป็นมากกว่า " เพื่อนร่วมงาน " ให้เจอ แล้วจะอย ากไปทำงานมากขึ้น

ความต่างระหว่าง " เพื่อนฝูง " กับ " เพื่อนผู้ร่วมการทำงาน " คืออะไร ที่เค้ากล่าวว่ายิ่งโต ยิ่งหาเพื่อนย ากก็น่าจะจริง ยุคประถม การหาสหายใหม่ไม่ย ากเท่าสมัยมัธยม และการหาเพื่อนพ้องในสมัยมัธยมก็ไม่อย ากเท่าตอนเข้ามหาวิทย าลัย มันแปลว่ายิ่งเราโตขึ้นเยอะแค่ไหน เราจะหาเพื่อนพ้องย ากขึ้นเท่านั้น

และไม่จำต้องบอกเลยว่าการหาสหายแท้จริงจิตใจคนนึงในสถานที่ทำงานมันย ากเพียงใด นอกจากจะมีเรื่องผลตอบแทน ทั้งยังตำแหน่ง ค่าตอบแทนรายเดือน การคาดการณ์ เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของคนเราเงินเดือนอย่ างพวกเราเป็นไปดำเนินงาน มิได้ไปทำกิจกรรมสานชมรมหาเพื่อนพ้อง ฉะนั้นวันๆพวกเราจึงจะพบแค่เพื่อนร่วมกลุ่ม ซึ่งโดยมากแล้วก็เป็นการคุยกันแค่เรื่องงานเท่านั้น

พวกเราโชคดีที่เจอทีมที่ดี คุยได้ทั้งยังเรื่องส่วนบุคคลและเรื่องงาน เรียกได้ว่าเป็นทั้งเพื่อน แล้วก็เพื่อนร่วมงานในครั้งเดียวกัน การมีกลุ่มที่อยู่ด้วยแล้วสนิทใจแบบงี้ พวกเราคิดว่ามันเป็นกำไรชีวิต

พย าย ามหาคนพวกนี้ให้เจอในสังคมการทำงาน แล้วพวกเราจะอย ากไปทำงานมากขึ้น ( นิดหนึ่งก็ยังดี ) ไม่จำเป็นต้องอยู่กลุ่มเดียวกันก็ได้ แค่ได้เผชิญ เสวนาเปลี่ยนความเซ็งก็ดี ให้พวกเราทดลองถามตัวเองว่า "ถ้าเราลาออกจากที่นี่ พวกเรายังจะอย ากนัดคนนี้กินข้าวอยู่ไหม" ถ้าหากคำตอบเป็นใช่ ยินดีด้วย คุณเจอสหายจริงๆในที่ทำงานแล้ว

8. จงเป็น " ผู้รับจ้างมือโปร "

สรุปสั้นๆตามหัวข้อเลย ถ้าหากอย ากบรรลุผลสำเร็จ แล้วก็ มีความสุข จงเป็น " ลูกจ้างมืออาชีพ " ให้ได้ พูดง่ายแม้กระนั้นทำย ากนะ เพราะลูกจ้างมือโปรก็คือคนที่ใส่ใจได้ว่า " เราถูกจ้างมาด้วยค่าแรงงานปริมาณหนึ่ง " นั่นหมายความว่าบริษัทเค้าต้องการอะไรบางอย่ างจากพวกเราแลกกับเงินเดือนนั้นๆ

พวกเราจำเป็นต้องรู้ว่าบริษัทจ้างเรามาทำอะไร รวมทั้ง ทำมันให้ดีมากกว่าที่บริษัทคาดหวังถ้าอยากได้ความเจริญในหน้าที่ ถ้าเกิดงานที่ทำอยู่คิดว่าไม่ตรงกับ skill หรือ passion ของเรา ก็ไม่สมควรอดทนทำไป


ควรจะหางานที่เราทำแล้วพวกเราเป็นสุขและก็ทำเป็นดีเพื่อดึงสมรรถนะของตัวเองออกมาให้มากที่สุด นอกจากจะทำให้เราเติบโตในหน่วยงานแล้ว ยังส่งผลให้เราพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลาและไม่เบื่อด้วย

เมื่อถึงจุดๆหนึ่งเราจะรู้เองว่าควรไปทางไหนต่อ รีบหาสายงานที่ชอบให้ได้ตั้งแต่เนิ่นๆแล้วเราจะเป็น Expert ได้เร็วกว่าคนอื่น อายุเท่านี้ไม่ต้องกลัวการลาออก จะลาออกกี่ครั้งก็ได้ หากท้ายที่สุดพวกเราพบสายอาชีพที่พวกเรารักรวมทั้งอย ากทำ จะเป็นอะไรที่คุ้มมาก

แล้วก็ด้วยคอนเซ็ปท์เดียวกัน " พวกเราถูกว่าจ้างมาด้วยค่าแรงปริมาณหนึ่ง " อย่ าทำงานหนักเกินกว่าเงินเดือนจนถึงเหลือเกิน ทุ่มเทได้ แต่ควรจะมีผลที่ดีตามออกมาด้วย เป็นต้นว่าได้ปรับค่าจ้างรายเดือน ได้ประเมินดี

หาเวลาอยู่กับบิดามารดา เครือญาติๆบ้ า ง หันกลับไปมองดูด้านหลังบ้ า งว่าคนที่เป็นบันไดให้เรามายืนจุดนี้ ในเวลานี้เค้าคืออะไรกันบ้ า งนะ...? อย่ าลืมว่าบิดามารดาอายุมากขึ้นทุกเมื่อเชื่อวัน ดูแลสุ ข ภ า พ ท่านด้วย ถ้าเกิดเดือนไหนมีเงินเหลือก็ตรวจสุ ข ภ า พ ให้ท่านแล้วหาเวลาไป มันไม่ลำบากหรอก แลกกับความสบายของบิดามารดา
ลูกน้อง
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/13457/